1. คลิกที่เมนู Gmail
2. คลิกที่ calendar
3. จะปรากฏหน้าต่างแบบนี้ขึ้นมา แล้วให้คลิกที่ เดือน
4. คลิกวันที่เราต้องการจะบันทึกข้อความที่เราต้องการในปฏิทิน
5. คลิกที่ปฏิทิน เลือกใช้ปฏิทินนี้ร่วมกัน
6. คลิกที่ช่องสี่เหลื่อมหน้าทำให้ปฏิทินนี้เป็นแบบสาธารณะ แล้วคลิกบันทึก
7. คลิกที่ปฏิทิน แล้วกดที่ตั้งค่าปฏิทิน
8. ตั้งชื่อปฏิทินของเรา บอกตำแหน่ง บอกเขตเวลาของปฏิทิน แล้ว copy code ไปวางใน blogger
วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
การทำ picas
ขั้นตอนการทำ Picasa มีดังนี้
1. เข้าไปที่ www.google.com จากนั้นคลิกที่ Gmail
2. คลิกที่ภาพถ่ย
3. จะปรากฎหน้าต่างแบบนี้ขึ้น จากนั้นคลิกที่ อัพโหลด
4. ทำPicasa ให้เป็นสาธารณะ
5. อัพโหลดรูปภาพลงในอัลบั้ม
6.เมื่ออัพโหลดเสร็จเเล้วจะขึ้นหน้าต่างเเบบนี้ขึ้นมา จากนั้นให้ไปคลิกที่เชื่อมโยงอัลบั้มนี้ ทางด้านขวามือ
7. coopy codeไปวางในบล็อก
1. เข้าไปที่ www.google.com จากนั้นคลิกที่ Gmail
2. คลิกที่ภาพถ่ย
3. จะปรากฎหน้าต่างแบบนี้ขึ้น จากนั้นคลิกที่ อัพโหลด
4. ทำPicasa ให้เป็นสาธารณะ
5. อัพโหลดรูปภาพลงในอัลบั้ม
6.เมื่ออัพโหลดเสร็จเเล้วจะขึ้นหน้าต่างเเบบนี้ขึ้นมา จากนั้นให้ไปคลิกที่เชื่อมโยงอัลบั้มนี้ ทางด้านขวามือ
7. coopy codeไปวางในบล็อก
วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
วิธีการแทรก Code ของ Picasa ลงใน Blogger
วิธีการแทรก Code ของw Picasa ลงใน Bloggerมีขั้นตอนดังนี้
1.ไปที่เมนุเพื่อน เลือกเพื่อนคนที่เราต้องการนำCode ของ Picasa ลงใน Blogger
2. คลิกที่รูปภาพกดเมนู View แล้วไปที่ source
3. ไปที่เมนู Edit แล้วไปที่ Paste
4. กดที่ Ctrl F แล้วจะขึ้นหน้าต่างข้างล่าง ให้พิมพ์ Picasa แล้วคลิกที่ Find Next
5. แล้ว copy code ไปวางในบทความใหม่ของตัวเอง
6. จะได้ code มาวางที่บล็อกของเรา
1.ไปที่เมนุเพื่อน เลือกเพื่อนคนที่เราต้องการนำCode ของ Picasa ลงใน Blogger
2. คลิกที่รูปภาพกดเมนู View แล้วไปที่ source
3. ไปที่เมนู Edit แล้วไปที่ Paste
4. กดที่ Ctrl F แล้วจะขึ้นหน้าต่างข้างล่าง ให้พิมพ์ Picasa แล้วคลิกที่ Find Next
5. แล้ว copy code ไปวางในบทความใหม่ของตัวเอง
6. จะได้ code มาวางที่บล็อกของเรา
ป้ายกำกับ:
วิธีการแทรก Code ของ Picasa ลงใน Blogger
วิธีเพิ่ม gadget ( รายชื่อลิงค์ )
วิธีเพิ่ม gadget ( รายชื่อลิงค์ )
1. คลิกที่เมนูปรับตกเเต่ง
2. คลิกที่ gadget
3. จะได้หน้าต่างแบบนี้ขึ้นให้คลิกที่รายชื่อลิงค์
4. จะได้หน้าต่างนี้
5. ใส่ URL ของเว็บที่เราต้องการลิงค์และตั้งชื่อเว็บไซต์แล้วกดบันทึก
6. จะได้หน้าต่างแบบเป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการเพิ่ม gadget
เราสามารถเข้าไปเพิ่มลิงค์ที่น่าสนใจได้โดยกดที่เมนูปรับตกแต่งจากนั้นจะเห็นคำว่าแก้ไขตรงรายชื่อลิงค์แล้วคลิกเข้าไป จากนั้นก็ใ URL เข้าไปได้ไม่จำกัด แล้วอย่าลืมกดบันทึกทุกครั้ง
1. คลิกที่เมนูปรับตกเเต่ง
2. คลิกที่ gadget
3. จะได้หน้าต่างแบบนี้ขึ้นให้คลิกที่รายชื่อลิงค์
4. จะได้หน้าต่างนี้
5. ใส่ URL ของเว็บที่เราต้องการลิงค์และตั้งชื่อเว็บไซต์แล้วกดบันทึก
6. จะได้หน้าต่างแบบเป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการเพิ่ม gadget
เราสามารถเข้าไปเพิ่มลิงค์ที่น่าสนใจได้โดยกดที่เมนูปรับตกแต่งจากนั้นจะเห็นคำว่าแก้ไขตรงรายชื่อลิงค์แล้วคลิกเข้าไป จากนั้นก็ใ URL เข้าไปได้ไม่จำกัด แล้วอย่าลืมกดบันทึกทุกครั้ง
วิธีเพิ่ม gadget ( ผู้ติดตาม )
วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552
การอัพโหลดรูปภาพ
จาก Step ที่แล้วได้สมัคร Gmail เรียบร้อยเเล้ว เข้าไปที่ www. Blogspot.com
จากนั้นกรอก Pasword ให้เรียบร้อย แล้วคลิกลงชื่อเข้าใช้
2. คลิกที่บทความใหม่
3. จะปรากฏหน้าต่างแบบนี้ขึ้น
4. ให้คลิกที่อัพโหลดรูปภาพ จะได้ภาพที่ต้องการคร้าบ
5. คลิกที่เผยแพร่บทความ
6. แล้วก็คลิกดูบล็อก เป็นอันว่าเสร็จเเล้ว การอัพโหลดภาพง่ายนิดเดียว อย่าลืมหัดทำนะคร้าบ
จากนั้นกรอก Pasword ให้เรียบร้อย แล้วคลิกลงชื่อเข้าใช้
2. คลิกที่บทความใหม่
3. จะปรากฏหน้าต่างแบบนี้ขึ้น
4. ให้คลิกที่อัพโหลดรูปภาพ จะได้ภาพที่ต้องการคร้าบ
5. คลิกที่เผยแพร่บทความ
6. แล้วก็คลิกดูบล็อก เป็นอันว่าเสร็จเเล้ว การอัพโหลดภาพง่ายนิดเดียว อย่าลืมหัดทำนะคร้าบ
วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2552
การสมัคร Gmail
1. เข้าเว็บ http://www.google.com/
2. คลิกที่ Gmail
3. คลิกที่สร้างบัญชี
4. พิมพ์ข้อมูลตามที่มีบอกในหน้าเว็บ
5. เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วให้คลิกที่ ฉันยอมรับโปรดสร้างบัญชีให้ฉัน
6. เสร็จสิ้นการสมัคร Gmail
2. คลิกที่ Gmail
3. คลิกที่สร้างบัญชี
4. พิมพ์ข้อมูลตามที่มีบอกในหน้าเว็บ
5. เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วให้คลิกที่ ฉันยอมรับโปรดสร้างบัญชีให้ฉัน
6. เสร็จสิ้นการสมัคร Gmail
โรคท้องเสียที่มากับหน้าร้อน (Diarrhea)
โรคท้องเสียที่มากับหน้าร้อน (Diarrhea)
ท้องเสีย หรือท้องร่วงเป็น โรคที่พบได้บ่อย ๆ ในบ้านเรา โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนนี้จะพบว่าทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะมีอาการท้องเสียกันมาก ขึ้น ซึ่งความรุนแรงของท้องเสียนั้นอาจเป็นเพียงเล็กน้อย ที่สามารถหายเองหรือเป็นรุนแรง จนกระทั่งมีอาการขาดน้ำ และเกลือแร่ จนถึงแก่ชีวิตได้
อย่างไรถึงเรียกว่า ท้องเสียปกติลักษณะนิสัยในการถ่ายอุจระของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ทั้งความบ่อย และปริมาณของอุจจาระ แต่ถ้าพบว่ามีการถ่ายอุจจาระบ่อยขึ้นกว่าปกติ หรือมากกว่า วันละ 3 ครั้ง หรืออุจจาระมีปริมาณมากขึ้น หรือผิดไปจากเดิมคือของเหลวหรือน้ำมากกว่าเดิมถือว่าบุคคลนั้นเป็นโรคท้อง เสีย
อย่างไรถึงเรียกว่า ท้องเสียปกติลักษณะนิสัยในการถ่ายอุจระของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ทั้งความบ่อย และปริมาณของอุจจาระ แต่ถ้าพบว่ามีการถ่ายอุจจาระบ่อยขึ้นกว่าปกติ หรือมากกว่า วันละ 3 ครั้ง หรืออุจจาระมีปริมาณมากขึ้น หรือผิดไปจากเดิมคือของเหลวหรือน้ำมากกว่าเดิมถือว่าบุคคลนั้นเป็นโรคท้อง เสีย
ท้องเสียมีกี่ชนิดอะไรบ้างท้องเสีย สามารถแบ่งได้ 2 ชนิดใหญ่ คือ
1.ท้องเสียชนิดเฉียบพลัน และท้องเสียชนิดเรื้อรัง ซึ่งทั้ง 2 ชนิดมีลักษณะแตกต่างกันดังนี้1. ท้องเสียชนิดเฉียบพลัน หมายถึงท้องเสียที่มีระยะฟักตัวสั้น และมีอาการไม่น่านหรือระยะเวลาเป็นวัน ไม่เกิน สัปดาห์ มักมีสาเหตุมาจาก * การได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ที่มีทั้งไวรัส และแบคทีเรีย บิด หมายถึง อาการถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือดบ่อยครั้งร่วมกับอาการปวดเบ่งที่ทวารหนักคล้ายถ่ายไม่สุด o บิดชนิดไม่มีตัว มีสาเหตุมาจากเชื่อแบคทีเรียอาการท้องเสียรุนแรงร่วมกับมีไข้ o บิดชนิดมีตัว มีสาเหตุมาจากเชื้อ โปรโตซัวไม่ค่อยมีอาการไข้ ไม่อ่อนเพลีย แต่อุจจาระจะมีกลิ่นเหม็น เหมือน หัวกุ้งเน่า * อาหารเป็นพิษ เกิดจากการบริโภคอาหารที่มีเชื้อแบคทีเรียอยู่ในอาหาร มักพบในผู้ป่วยหลาย ๆ คนซึ่งรับประทานอาหารชนิดเดียว พร้อม ๆ กัน จะมีอาการท้องเสียรุ่นแรงในระยะเวลาอันสั้น หลังจากรับประทานอาหารมีอาเจียนร่วมด้วย * สาเหตุอื่น ๆ เช่น อาการจำพวกนม หรือสารให้ความหวาน ยาบางชนิด สารเคมี หรือโลหะหนักหรือพืชบางชนิด อาจจะทำให้เกิดอาการท้องเสียชนิดเฉียบพลันได้
2. ท้องเสียชนิดเรื้อรัง หมายถึงท้องเสียที่มีอาการติดต่อกันนานเป็น ๆ หาย ๆ มาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน เป็นปี มีสาเหตุมาจาก
อารมณ์ เกิดจากการผิดปกติของการทำงานของลำไส้ใหญ่ เวลามีอารมณ์เครียด เช่น เวลาสอบหรือเดินทาง แต่ไม่เป็นอันตราย
ความผิดปกติของเมตาบอลิซึ่ม เช่น ท้องเสียในผู้ป่วยที่มีไธรอยด์ฮอร์โมนสูงกว่าปกติ
การดูดซึมผิดปกติ ก็เป็นสาเหตุของท้องเสียเรื้อรังในผู้ป่วยบางรายได้เช่นกัน
อารมณ์ เกิดจากการผิดปกติของการทำงานของลำไส้ใหญ่ เวลามีอารมณ์เครียด เช่น เวลาสอบหรือเดินทาง แต่ไม่เป็นอันตราย
ความผิดปกติของเมตาบอลิซึ่ม เช่น ท้องเสียในผู้ป่วยที่มีไธรอยด์ฮอร์โมนสูงกว่าปกติ
การดูดซึมผิดปกติ ก็เป็นสาเหตุของท้องเสียเรื้อรังในผู้ป่วยบางรายได้เช่นกัน
วิธีการรักษาโรคท้องเสีย
1. การให้ของเหลวทดแทน เนื่องจากผู้ป่วยมีการสูญเสียน้ำ และเกลือแร่ จึงจำเป็นต้องให้น้ำและเกลือแร่เข้าไปทดแทน เช่น น้ำเกลือผง (ORS) อาจจะเตรียมน้ำเกลือผสมเอง โดยใช้น้ำสุก 1 ขวด ผสมกับน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ และเกลือป่นครึ่งช้อนชา ให้ผู้ป่วยดื่มแทนน้ำ
2. งดอาหารแข็ง, อาหารรสจัด หรืออาหารที่มีกากมาก ๆ โดยหู้ป่วยรับประทานอาหารเหลว เช่น ซุป หรือข้าวต้มควรหลีกเลี่ยงนม และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ 3. การใช้ยาแก้ท้องเสีย เช่น ยาประเภทฝิ่น ยาเหล่นนี้ จะไปหยุดการเคลื่อนไหวของลำไส้ ทำให้อาการท้องเสียบรรเทา ในกรณีที่ท้องเสียเกิดจากการติดเชื้อ ไม่ควรใช้ยากลุ่มนี้
4. การใช้ยาปฏิชีวนะ จะใช้ในกรณีที่ทราบเชื้อที่เป็นสาเหตุของท้องเสีย เช่น เชื้อบิดไม่มีตัวการใช้ยาปฏิชีวนะจะช่วยให้ระยะเวลาที่ท้องเสีย และอาการไข้สั้นลงได้ หากท้องเสียเกิดจากอาหารเป็นพิษหรือเชื้อไวรัส ยานี้ไม่ช่วยบรรเทาอาการได้เลย
วิธีป้องการโรคท้องเสีย
1. บริโภคน้ำ และอาหารที่สะอาด และผ่านการปรุงที่ถูกต้อง
2. เตรียมอาหารและเก็บอาหาร เช่น แช่แข็ง ตาก ดอง อย่างถูกต้องตามกรรมวิธี โดยคำนึงถึงความสะอาดเป็นหลัก
3. ในกรณีที่ต้องเดินทางไปต่างถิ่น การใช้ยาปฏิชีวนะป้องกัน จะช่วยลดโอกาส การเกิดท้องเสียในนักเดินทางได้
เคล็ดลับเพื่อการดูแลสุขภาพ 2
ผมหงอกก่อนวัยกินอาหารช่วยได้
เมื่อคุณมีเส้นผมบางส่วนที่หงอกขาวทั้งๆ ที่อายุยังไม่มากนัก คุณแก้ไขด้วยการย้อมสีผมซึ่งจะ ช่วยได้ดีพอควร แต่ก็ต้องย้อมกันเป็นประจำตลอดไปแน่นอน อาหารบางอย่างมีคุณสมบัติช่วยบำรุงเส้นผม เล็บมือ และผิวของคนเราอย่างได้ผล เส้นผมหงอกนั้นเป็นเพราะขาดทองแดง กรดโฟลิก กรดแพนโทเทนิก และพาบา คุณสามารถแก้ไขเส้นผมที่หงอกขาวให้กลับมาดำสนิทดังเดิมได้ด้วยการรับประทานโยเกิร์ต ตับ และยีสต์ โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องรับประทานปริมาณมากๆ ทุกมื้อและทุกๆ วันอย่างสม่ำเสมอ
คนสายตาสั้น ควรสนใจวิตามินใดบ้าง
อย่าคิดว่าเมื่อสายตาสั้นแล้วก็จะต้องสั้นมากขึ้นเรื่อยๆ เสมอไป เนื่องจากว่าเซลล์ประสาทตานั้นจะไม่เสื่อมลงไปถ้าได้รับการบำรุงที่ดี โดยมากเราจะเคยได้รู้เพียงว่าคนที่รับ ประทานวิตามินเอเป็นประจำสม่ำเสมอจะมีดวงตาสวย สายตาดี เพราะวิตามินเอเกี่ยวข้องกับสายตาโดยตรงอยู่แล้ว แต่ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ค้นคว้าพบว่าวิตามินบี1 และวิตามินอีมีคุณสมบัติช่วยบำรุงเรื่องตาของคนเราได้เป็นอย่างดี การขาดวิตามินอีทำให้จอรับภาพของตาเสื่อม การขาดวิตามินบี1 ประสาทที่ทำหน้าที่นำภาพไปสู่สมองก็จะเกิดผิดปกติ มีผลทำให้ประสาทเสื่อม อาหารที่เป็นแหล่งวิตามินอี และ บี1 ที่ดี ได้แก่ ตับ นม ถั่วลิสง ถั่วต่างๆ ไข่แดง ข้าวซ้อมมือ เต้าหู้ เนื้อหมู งา กระเทียม และสาหร่าย
น้ำผึ้งก็เป็นยาอายุวัฒนะ
สารอาหารสำคัญๆที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในน้ำผึ้งก็คือ โปรตีน วิตามินบี1 บี2 บี5 และบี12 ไบโอติน เหล็ก ทองแดง แมงกานีส ซิลิคอน แคลเซียม โซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส กำมะถัน โบรมีน และคลอรีน น้ำผึ้งมีสรรพคุณทางยา ช่วยบำรุงร่างกายให้กระปรี้กระเปร่า แข็งแรง สดชื่น เพิ่มพลัง แก้เบื่ออาหาร บำรุงหัวใจ บำรุงข้อต่างๆ ช่วยให้นอนหลับสบาย น้ำผึ้งจัดเป็นอาหารเสริมที่ดีที่คุณควรสนใจ หมั่นรับประทานเป็นประจำทุกๆ สัปดาห์ก็จะช่วยบำรุงร่างกายให้มีสุขภาพ
ดีอย่างที่คุณพิสูจน์ได้
เป็นสิวต้องใส่ใจสุขภาพทั้งหมด
คนส่วนใหญ่เมื่อเป็นสิวแล้วมักจะสนใจดูแลแก้ไขปัญหาสิวเฉพาะที่ผิวหน้าเท่านั้น ซึ่งความ จริงแล้วสาเหตุที่เกิดสิวมาจากการไม่ดูแลสุขภาพของตัวเองนั้นเอง ถ้าคุณมีพฤติกรรมใดต่อไปนี้ นั่นล่ะคือปัจจัยสำคัญที่นำสิวมาสู่ใบหน้าของคุณ อดอาหารเพื่อลดน้ำหนัก รับประทานอาหารรสหวานจัดหรือมันจัด ติดกาแฟ ชา เหล้า เบียร์ น้ำอัดลม และบุหรี่ รับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสารเคมี เช่น ของหมักดอง อาหารกระป๋อง รับประทานอาหารเร่งรีบ ไม่เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน ไม่ค่อยรับประทานผักสดๆ ผลไม้สดๆ จนถ่ายไม่เป็นเวลา หรือท้องผูก ดังนั้นหากคุณเลิกนิสัยดังกล่าวนี้แล้วรับประทานแต่ผักสด ผลไม้ อาหารรสไม่หวานจัด เลิกขนม ของ หวาน น้ำอัดลมต่างๆ การรักษาด้วยการล้างหน้าบ่อยๆ คุณจะได้ผลที่น่าพอใจแน่นอน
ฟื้นฟูร่างกายด้วยปลาตะเพียน
สารอาหารในปลาตะเพียนจะช่วยเสริมสร้างพลังงานแก่ร่างกายของคนที่เพิ่งฟื้นไข้ได้ดีหรือถ้า คุณรู้สึกอ่อนเพลียง่าย ไร้เรี่ยวแรงเจ็บป่วยบ่อยๆ ร่างกายอ่อนแอ คุณควรรับประทานปลาตะเพียนเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายให้มีพลังและสดชื่นขึ้นอย่างทันอกทันใจ ปลาตะเพียนยังช่วยแก้ร้อนในได้ดี บำรุงม้าม ช่วยขับปัสสาวะ แม้รับประทานทุกๆ วันก็ไม่ทำให้ร่างกาย "ร้อน" เกินไป เหมือนอาหารบำรุงบางชนิด เพราะปลาตะเพียนมีฤทธิ์ปานกลาง อาการไอ เจ็บคอ กระหายน้ำบ่อยๆ ก็จะหายไปถ้ารับประทานปลาตะเพียนเป็นประจำ
http://www.pooyingnaka.com/story/story.php?Category=forwordmail&No=1348
เมื่อคุณมีเส้นผมบางส่วนที่หงอกขาวทั้งๆ ที่อายุยังไม่มากนัก คุณแก้ไขด้วยการย้อมสีผมซึ่งจะ ช่วยได้ดีพอควร แต่ก็ต้องย้อมกันเป็นประจำตลอดไปแน่นอน อาหารบางอย่างมีคุณสมบัติช่วยบำรุงเส้นผม เล็บมือ และผิวของคนเราอย่างได้ผล เส้นผมหงอกนั้นเป็นเพราะขาดทองแดง กรดโฟลิก กรดแพนโทเทนิก และพาบา คุณสามารถแก้ไขเส้นผมที่หงอกขาวให้กลับมาดำสนิทดังเดิมได้ด้วยการรับประทานโยเกิร์ต ตับ และยีสต์ โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องรับประทานปริมาณมากๆ ทุกมื้อและทุกๆ วันอย่างสม่ำเสมอ
คนสายตาสั้น ควรสนใจวิตามินใดบ้าง
อย่าคิดว่าเมื่อสายตาสั้นแล้วก็จะต้องสั้นมากขึ้นเรื่อยๆ เสมอไป เนื่องจากว่าเซลล์ประสาทตานั้นจะไม่เสื่อมลงไปถ้าได้รับการบำรุงที่ดี โดยมากเราจะเคยได้รู้เพียงว่าคนที่รับ ประทานวิตามินเอเป็นประจำสม่ำเสมอจะมีดวงตาสวย สายตาดี เพราะวิตามินเอเกี่ยวข้องกับสายตาโดยตรงอยู่แล้ว แต่ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ค้นคว้าพบว่าวิตามินบี1 และวิตามินอีมีคุณสมบัติช่วยบำรุงเรื่องตาของคนเราได้เป็นอย่างดี การขาดวิตามินอีทำให้จอรับภาพของตาเสื่อม การขาดวิตามินบี1 ประสาทที่ทำหน้าที่นำภาพไปสู่สมองก็จะเกิดผิดปกติ มีผลทำให้ประสาทเสื่อม อาหารที่เป็นแหล่งวิตามินอี และ บี1 ที่ดี ได้แก่ ตับ นม ถั่วลิสง ถั่วต่างๆ ไข่แดง ข้าวซ้อมมือ เต้าหู้ เนื้อหมู งา กระเทียม และสาหร่าย
น้ำผึ้งก็เป็นยาอายุวัฒนะ
สารอาหารสำคัญๆที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในน้ำผึ้งก็คือ โปรตีน วิตามินบี1 บี2 บี5 และบี12 ไบโอติน เหล็ก ทองแดง แมงกานีส ซิลิคอน แคลเซียม โซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส กำมะถัน โบรมีน และคลอรีน น้ำผึ้งมีสรรพคุณทางยา ช่วยบำรุงร่างกายให้กระปรี้กระเปร่า แข็งแรง สดชื่น เพิ่มพลัง แก้เบื่ออาหาร บำรุงหัวใจ บำรุงข้อต่างๆ ช่วยให้นอนหลับสบาย น้ำผึ้งจัดเป็นอาหารเสริมที่ดีที่คุณควรสนใจ หมั่นรับประทานเป็นประจำทุกๆ สัปดาห์ก็จะช่วยบำรุงร่างกายให้มีสุขภาพ
ดีอย่างที่คุณพิสูจน์ได้
เป็นสิวต้องใส่ใจสุขภาพทั้งหมด
คนส่วนใหญ่เมื่อเป็นสิวแล้วมักจะสนใจดูแลแก้ไขปัญหาสิวเฉพาะที่ผิวหน้าเท่านั้น ซึ่งความ จริงแล้วสาเหตุที่เกิดสิวมาจากการไม่ดูแลสุขภาพของตัวเองนั้นเอง ถ้าคุณมีพฤติกรรมใดต่อไปนี้ นั่นล่ะคือปัจจัยสำคัญที่นำสิวมาสู่ใบหน้าของคุณ อดอาหารเพื่อลดน้ำหนัก รับประทานอาหารรสหวานจัดหรือมันจัด ติดกาแฟ ชา เหล้า เบียร์ น้ำอัดลม และบุหรี่ รับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสารเคมี เช่น ของหมักดอง อาหารกระป๋อง รับประทานอาหารเร่งรีบ ไม่เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน ไม่ค่อยรับประทานผักสดๆ ผลไม้สดๆ จนถ่ายไม่เป็นเวลา หรือท้องผูก ดังนั้นหากคุณเลิกนิสัยดังกล่าวนี้แล้วรับประทานแต่ผักสด ผลไม้ อาหารรสไม่หวานจัด เลิกขนม ของ หวาน น้ำอัดลมต่างๆ การรักษาด้วยการล้างหน้าบ่อยๆ คุณจะได้ผลที่น่าพอใจแน่นอน
ฟื้นฟูร่างกายด้วยปลาตะเพียน
สารอาหารในปลาตะเพียนจะช่วยเสริมสร้างพลังงานแก่ร่างกายของคนที่เพิ่งฟื้นไข้ได้ดีหรือถ้า คุณรู้สึกอ่อนเพลียง่าย ไร้เรี่ยวแรงเจ็บป่วยบ่อยๆ ร่างกายอ่อนแอ คุณควรรับประทานปลาตะเพียนเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายให้มีพลังและสดชื่นขึ้นอย่างทันอกทันใจ ปลาตะเพียนยังช่วยแก้ร้อนในได้ดี บำรุงม้าม ช่วยขับปัสสาวะ แม้รับประทานทุกๆ วันก็ไม่ทำให้ร่างกาย "ร้อน" เกินไป เหมือนอาหารบำรุงบางชนิด เพราะปลาตะเพียนมีฤทธิ์ปานกลาง อาการไอ เจ็บคอ กระหายน้ำบ่อยๆ ก็จะหายไปถ้ารับประทานปลาตะเพียนเป็นประจำ
http://www.pooyingnaka.com/story/story.php?Category=forwordmail&No=1348
วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552
เคล็ดลับเพื่อการดูแลสุขภาพ
แก้อาการแสบกระเพาะอย่างไร
โรคกระเพาะอาหารนั้นมีอาการปวดท้องและแสบกระเพาะซึ่งเป็นเรื่องแสนทุกข์ทรมานอย่าง ยิ่งสำหรับผู้ป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหาร วิธีง่ายๆ ที่คุณสามารถบำบัดเยียวยาอาการปวดแสบนั้นให้หายไปได้ก็คือ รับประทานอาหารแต่ละมื้อแต่ละวันเพียงเล็กน้อยพออิ่ม อย่ารับประทานมากๆ เพียงเพื่อความอร่อยเท่านั้น โดยเฉพาะอาหารเปรี้ยวจัด เค็มจัด เผ็ดจัด ควรงดเด็ดขาด การรับประทานกล้วยกับน้ำผึ้งหรือรับประทานเนยถั่วก็เป็นเมนูพิเศษที่ดีสำหรับป้องกันอาการปวดแสบหรือแสบเกี่ยวกับแผลในกระเพาะ แต่ไม่จำเป็นต้องรับประทานมากๆ เพียงครั้งคราวก็พอแล้ว หัวใจสำคัญอยู่ที่การรับประทานอาหารน้อยๆ เท่านั้นเอง และมีอีกประการหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการแสบกระเพาะได้ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือการสูบบุหรี่ ซึ่งคุณควรเลิกทันทีตั้งแต่เริ่มเป็นโรคกระเพาะ
กระเทียมดูแลหัวใจ
กระเทียมเป็นของคู่ครัวที่คนไทยเราคุ้นเคยกันดี แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าในกระเทียมนั้นมีสาร อาหารสำคัญมากมายมหาศาลที่ล้วนแล้วแต่มีสรรพคุณทางยาอย่างน่าอัศจรรย์ กระเทียมช่วยป้องกันอาการหัวใจล้มเหลว ช่วยควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ บำรุงประสาท กระตุ้นให้จิตใจสดใส ไม่หดหู่ ซึมเศร้า ไม่เป็นโรคเหน็บชา กล้ามเนื้อแข็งแรง มีกำลังวังชา กระตุ้นให้ร่างกายเกิดความอยากอาหาร เยียวยาอาการไอ รักษาโรคพยาธิ ขับปัสสาวะ ช่วยบำรุงระบบทางเดินหายใจ บรรเทาอาการที่เกี่ยวกับโรคลำไส้ บำรุงเลือด ป้องกันโรคตับ โรคเส้นโลหิตตีบตัน บำบัดอาการโรครูมาติซึม โรคข้ออักเสบ ต้านทานโรคภูมิแพ้ ช่วยลดคอเลสเตอรอล นอกจากนั้นกระเทียมยังรักษาโรคเกี่ยวกับผิวหนังได้อีกด้วย ถ้าคุณรับประทานกระเทียมสม่ำเสมอโรคภัยอันตรายต่างๆ จะไม่มากล้ำกรายร่างกายทำลายสุขภาพของคุณ ได้แน่นอน กระเทียมช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย คนที่มีไขมันอุดตันในเส้นเลือดมากอาจเกิดการหัวใจวายได้ การรับประทานกระเทียมเป็นประจำเท่ากับว่าคุณได้ดูแลหัวใจของคุณให้แข็งแรงไว้ก่อนที่จะมีอาการใดๆ เกิดขึ้น
มะเขือเทศอาหารวิเศษเพื่อสุขภาพ
มะเขือเทศฝานบางๆ สีแดงอมส้มสดใสน่ากินมักกลายเป็นเครื่องประดับอาหารจานอร่อย หลากหลายรายการ เป็นต้นว่าข้าวผัด ยำต่างๆ ของทอดของว่างต่างๆ โดยที่บางท่านไม่แตะต้องมันเลยสักชิ้น แต่คุณรู้บ้างไหมว่าถ้าคุณรับประทานมะเขือเทศเพียงวันละ 1-2 ลูกเท่านั้น จะให้ประโยชน์ต่อร่างกายของ คุณมากมายมหาศาลเพียงใด ต้านโรคความดันโลหิตสูง บำรุงดวงตา บำรุงสายตา บำบัดอาการปัสสาวะขัด บำรุงเหงือกและฟัน ป้อง กันหลอดเลือดแข็งตัว เยียวยาโรคเลือดออกตามไรฟัน ต้านทานโรคภัยไข้เจ็บ คุ้มกันไม่ให้เป็นหวัดง่าย แก้ท้องผูก บำรุงผิวพรรณ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้…ถ้าคุณรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำสม่ำเสมอ วันละ 1-2 ลูกทุกวัน สุขภาพของคุณก็จะสดชื่นแข็งแรง และได้ประโยชน์จากสรรพคุณอันแสนวิเศษของมะเขือเทศทั้งหมดนั้นอย่างแน่นอน
เรื่องของไข่
สำหรับคนในวัยหนุ่มสาวและวัยผู้ใหญ่ไม่ควรรับประทานไข่เกิน 2 ฟองต่อ 1 สัปดาห์ เนื่อง จากการรับประทานไข่มากจะทำให้มีคอเลสเตอรอลมากเกินไปในกระแสเลือด แต่ในไข่ก็ยังมีสารอาหารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหากรับประทานแต่น้อย คนป่วยที่เพิ่งฟื้นไข้ คนที่ต้องการเรี่ยวแรงกำลังวังชา คนป่วยเป็นโรคโลหิตจาง ล้วนแล้วแต่ต้องการไข่เพื่อ บำรุงสมอง บำรุงร่างกายให้แข็งแรง แม้แต่คนที่ต้องใช้เสียง เมื่อเสียงแหบแห้งเพียงรับประทานไข่ดิบเพียง 1 ฟองก็จะช่วยให้เสียงใส ไม่แหบแห้งได้ในช่วงนั้น ไข่แดงช่วยให้เด็กๆ แข็งแรง โตเร็ว ไข่ขาวพอกหน้าช่วยบำรุงรักษาสิว ลดความมันบนใบหน้าคนหนุ่มสาวอย่างได้ผลดีอีกด้วย
ถั่วสลายความเครียด
สภาวะที่แวดล้อมในปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่ามีปัจจัยมากมายที่ก่อให้เกิดความเครียดได้ไม่ยาก และความเครียดที่เกิดขึ้นแล้วนั้นไม่ใช่จะทำให้คุณกลายเป็นคนหน้านิ่วคิ้วขมวดและอารมณืบูดจนไม่น่าเข้า ใกล้เท่านั้น แต่ความเครียดมีผลกระทบอย่างจริงจังต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของคุณ นอกจากการออกกำลังกายและการพักผ่อนแล้วการดูแลเรื่องอาหารในช่วงที่รู้สึกเครียดก็ช่วยคลายความกด ดันได้เป็นอย่างดี อาหารที่จะพิชิตความเครียดได้ก็คืออาหารที่มีวิตามินบีสูง และมีแมงกานีสสูง เช่น อะโวคาโด สตรอเบอรี่ ส้ม ถั่วฝักยาว ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วลิสง โดยเฉพาะ "ถั่ว" ชนิดต่างๆ คือพระเอกที่จะขจัดปัดเป่าความเครียดให้หมดสิ้นไปได้อย่างง่ายดาย
http://www.pooyingnaka.com/story/story.php?Category=forwordmail&No=1348
โรคกระเพาะอาหารนั้นมีอาการปวดท้องและแสบกระเพาะซึ่งเป็นเรื่องแสนทุกข์ทรมานอย่าง ยิ่งสำหรับผู้ป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหาร วิธีง่ายๆ ที่คุณสามารถบำบัดเยียวยาอาการปวดแสบนั้นให้หายไปได้ก็คือ รับประทานอาหารแต่ละมื้อแต่ละวันเพียงเล็กน้อยพออิ่ม อย่ารับประทานมากๆ เพียงเพื่อความอร่อยเท่านั้น โดยเฉพาะอาหารเปรี้ยวจัด เค็มจัด เผ็ดจัด ควรงดเด็ดขาด การรับประทานกล้วยกับน้ำผึ้งหรือรับประทานเนยถั่วก็เป็นเมนูพิเศษที่ดีสำหรับป้องกันอาการปวดแสบหรือแสบเกี่ยวกับแผลในกระเพาะ แต่ไม่จำเป็นต้องรับประทานมากๆ เพียงครั้งคราวก็พอแล้ว หัวใจสำคัญอยู่ที่การรับประทานอาหารน้อยๆ เท่านั้นเอง และมีอีกประการหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการแสบกระเพาะได้ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือการสูบบุหรี่ ซึ่งคุณควรเลิกทันทีตั้งแต่เริ่มเป็นโรคกระเพาะ
กระเทียมดูแลหัวใจ
กระเทียมเป็นของคู่ครัวที่คนไทยเราคุ้นเคยกันดี แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าในกระเทียมนั้นมีสาร อาหารสำคัญมากมายมหาศาลที่ล้วนแล้วแต่มีสรรพคุณทางยาอย่างน่าอัศจรรย์ กระเทียมช่วยป้องกันอาการหัวใจล้มเหลว ช่วยควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ บำรุงประสาท กระตุ้นให้จิตใจสดใส ไม่หดหู่ ซึมเศร้า ไม่เป็นโรคเหน็บชา กล้ามเนื้อแข็งแรง มีกำลังวังชา กระตุ้นให้ร่างกายเกิดความอยากอาหาร เยียวยาอาการไอ รักษาโรคพยาธิ ขับปัสสาวะ ช่วยบำรุงระบบทางเดินหายใจ บรรเทาอาการที่เกี่ยวกับโรคลำไส้ บำรุงเลือด ป้องกันโรคตับ โรคเส้นโลหิตตีบตัน บำบัดอาการโรครูมาติซึม โรคข้ออักเสบ ต้านทานโรคภูมิแพ้ ช่วยลดคอเลสเตอรอล นอกจากนั้นกระเทียมยังรักษาโรคเกี่ยวกับผิวหนังได้อีกด้วย ถ้าคุณรับประทานกระเทียมสม่ำเสมอโรคภัยอันตรายต่างๆ จะไม่มากล้ำกรายร่างกายทำลายสุขภาพของคุณ ได้แน่นอน กระเทียมช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย คนที่มีไขมันอุดตันในเส้นเลือดมากอาจเกิดการหัวใจวายได้ การรับประทานกระเทียมเป็นประจำเท่ากับว่าคุณได้ดูแลหัวใจของคุณให้แข็งแรงไว้ก่อนที่จะมีอาการใดๆ เกิดขึ้น
มะเขือเทศอาหารวิเศษเพื่อสุขภาพ
มะเขือเทศฝานบางๆ สีแดงอมส้มสดใสน่ากินมักกลายเป็นเครื่องประดับอาหารจานอร่อย หลากหลายรายการ เป็นต้นว่าข้าวผัด ยำต่างๆ ของทอดของว่างต่างๆ โดยที่บางท่านไม่แตะต้องมันเลยสักชิ้น แต่คุณรู้บ้างไหมว่าถ้าคุณรับประทานมะเขือเทศเพียงวันละ 1-2 ลูกเท่านั้น จะให้ประโยชน์ต่อร่างกายของ คุณมากมายมหาศาลเพียงใด ต้านโรคความดันโลหิตสูง บำรุงดวงตา บำรุงสายตา บำบัดอาการปัสสาวะขัด บำรุงเหงือกและฟัน ป้อง กันหลอดเลือดแข็งตัว เยียวยาโรคเลือดออกตามไรฟัน ต้านทานโรคภัยไข้เจ็บ คุ้มกันไม่ให้เป็นหวัดง่าย แก้ท้องผูก บำรุงผิวพรรณ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้…ถ้าคุณรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำสม่ำเสมอ วันละ 1-2 ลูกทุกวัน สุขภาพของคุณก็จะสดชื่นแข็งแรง และได้ประโยชน์จากสรรพคุณอันแสนวิเศษของมะเขือเทศทั้งหมดนั้นอย่างแน่นอน
เรื่องของไข่
สำหรับคนในวัยหนุ่มสาวและวัยผู้ใหญ่ไม่ควรรับประทานไข่เกิน 2 ฟองต่อ 1 สัปดาห์ เนื่อง จากการรับประทานไข่มากจะทำให้มีคอเลสเตอรอลมากเกินไปในกระแสเลือด แต่ในไข่ก็ยังมีสารอาหารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหากรับประทานแต่น้อย คนป่วยที่เพิ่งฟื้นไข้ คนที่ต้องการเรี่ยวแรงกำลังวังชา คนป่วยเป็นโรคโลหิตจาง ล้วนแล้วแต่ต้องการไข่เพื่อ บำรุงสมอง บำรุงร่างกายให้แข็งแรง แม้แต่คนที่ต้องใช้เสียง เมื่อเสียงแหบแห้งเพียงรับประทานไข่ดิบเพียง 1 ฟองก็จะช่วยให้เสียงใส ไม่แหบแห้งได้ในช่วงนั้น ไข่แดงช่วยให้เด็กๆ แข็งแรง โตเร็ว ไข่ขาวพอกหน้าช่วยบำรุงรักษาสิว ลดความมันบนใบหน้าคนหนุ่มสาวอย่างได้ผลดีอีกด้วย
ถั่วสลายความเครียด
สภาวะที่แวดล้อมในปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่ามีปัจจัยมากมายที่ก่อให้เกิดความเครียดได้ไม่ยาก และความเครียดที่เกิดขึ้นแล้วนั้นไม่ใช่จะทำให้คุณกลายเป็นคนหน้านิ่วคิ้วขมวดและอารมณืบูดจนไม่น่าเข้า ใกล้เท่านั้น แต่ความเครียดมีผลกระทบอย่างจริงจังต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของคุณ นอกจากการออกกำลังกายและการพักผ่อนแล้วการดูแลเรื่องอาหารในช่วงที่รู้สึกเครียดก็ช่วยคลายความกด ดันได้เป็นอย่างดี อาหารที่จะพิชิตความเครียดได้ก็คืออาหารที่มีวิตามินบีสูง และมีแมงกานีสสูง เช่น อะโวคาโด สตรอเบอรี่ ส้ม ถั่วฝักยาว ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วลิสง โดยเฉพาะ "ถั่ว" ชนิดต่างๆ คือพระเอกที่จะขจัดปัดเป่าความเครียดให้หมดสิ้นไปได้อย่างง่ายดาย
http://www.pooyingnaka.com/story/story.php?Category=forwordmail&No=1348
น้ำตกทีลอซู/ Thi Lo Su Waterfall
น้ำตกทีลอซู/ Thi Lo Su Waterfall
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง
มีพื้นที่ 1,619,280 ไร่ เป็นเขตป่าอนุรักษ์เพื่อการสงวน และรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และเป็นผืนป่าตะวันตกที่เป็นต้นกำเนิดของแหล่งมรดกโลก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน อากาศจะหนาว และเย็นมากในระหว่างเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ พรรณไม้ส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบ ป่าผลัดใบ สัตว์ป่าที่พบเห็น ได้แก่ เสือลายเมฆ สมเสร็จ เลียงผา เหยี่ยว นกกระทุง ได้รับการประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง เมื่อ พ.ศ. 2532
น้ำตกทีลอซู คำว่า ทีลอซู เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า น้ำตกดำ ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ห่างจากที่ทำการเขตฯ 3 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นน้ำตกภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร เกิดจากลำห้วยกล้อท้อ ลำน้ำทั้งสายตกลงสู่หน้าผาสูงชัน มีน้ำไหลแรงตลอดปี ความกว้างของตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร ไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ มีความสูงประมาณ 300 เมตร ล้อมรอบด้วยป่าดงดิบที่สมบูรณ์ เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมาก ติดอันดับ 1 ใน 6 ของโลก ซึ่งการเดินทางไปชมน้ำตกแต่ละชั้นบางครั้งจะต้องเดินผ่านสายน้ำตก ควรใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
การเดินทาง
รถยนต์ จากอำเภออุ้มผางใช้เส้นทางสายอุ้มผาง-แม่สอด ถึงหลักกิโลเมตรที่ 161 มีทางแยกซ้ายที่บ้านแม่กลองใหม่ไปด่านเดลอ หรือจุดตรวจ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง เป็นระยะทาง 30 กิโลเมตร (สำหรับนักท่องเที่ยวที่ขับรถเข้าน้ำตกทีลอซูต้องติดต่อขอรับใบอนุญาตเข้าที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง (สป. 7) ได้ที่ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว และอนุรักษ์อุ้มผางก่อนทุกครั้ง นักท่องเที่ยวต้องยื่น สป. 7 ที่ด่านเดลอ) จากนั้นเดินทางไปตามถนนลูกรังอีก 26 กิโลเมตร ถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ใช้เวลาในการเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 3 ชั่วโมง เส้นทางช่วงนี้เป็นทางดิน ควรใช้รถปิคอัพ หรือรถขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีสมรรถนะสูงเท่านั้น ในฤดูฝนรถอาจเข้าไม่ได้ และจากที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร จึงถึงตัวน้ำตกทีลอซู
ล่องแพ นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อผ่านบริษัททัวร์ที่จัดล่องแพในอำเภออุ้มผางได้ โดยติดต่อได้ที่ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว และอนุรักษ์อุ้มผาง โทร. 0 5556 1338
น้ำตกทีลอจ่อ หรือ น้ำตกสายฝน ห่างจากอำเภออุ้มผาง 3 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายอุ้มผาง-บ้านปะละทะ ถึงแยกขวามือมีทางเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะพบน้ำตก ชั้นแรก มีความสูงประมาณ 80 เมตร อยู่บนหน้าผาสูงชัน ชั้นที่ 2 ไหลจากหน้าผาสูงชันตกลงสู่แม่น้ำแม่กลอง สายน้ำแตกกระจายเป็นฝอยดูเหมือนสายฝน ทำให้บริเวณโดยรอบได้รับความชุ่มชื้นมีพืชประเภทมอส และตะไคร่น้ำขึ้นปกคลุมเขียวชอุ่มตลอดทั้งปี น้ำตกทีลอจ่อนี้สามารถล่องเรือยางจากตัวอำเภอ อุ้มผางไปตามลำน้ำแม่กลองถึงน้ำตกได้ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที
น้ำตกเซปละ อยู่ในเขตบ้านเซปละ ตำบลแม่ละมุ้ง ห่างจากบ้านปะละทะ 3 กิโลเมตร เป็นน้ำตกภูเขาหินปูนที่ไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ มีความกว้าง 10 เมตร ยาว 50 เมตร กระแสน้ำที่ตกลงกระทบโขดหินทำให้ดูคล้ายกับก้อนเมฆสีขาวที่มีความสวยงาม
น้ำตกทีลอเร มีพื้นที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง เป็นน้ำตกที่อยู่บนโตรกผา มีลักษณะเป็นเพิงผาคล้ายถ้ำ ริมลำน้ำแม่กลอง โดยมีลำน้ำสายใหญ่ไหลผ่านหน้าผาสูงชันตกลงสู่ลำน้ำแม่กลอง มีความสูง 80 เมตร ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม น้ำตกทีลอเรเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการเดินทางลักษณะการผจญภัย และศึกษาธรรมชาติ ควรใช้เส้นทางสายอุ้มผาง-บ้านปะละทะ เริ่มต้นจากหมู่บ้านกระเหรี่ยงปะละทะด้วยการล่องเรือยางไปตามลำน้ำแม่กลองใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 วัน หมายเหตุ นักท่องเที่ยวต้องเตรียมอุปกรณ์ในการพักค้างแรมระหว่างทาง 1 คืน และต้องเตรียมอาหารไปเอง
ดอยหัวหมด อยู่ในเขตบ้านอุ้มผาง เป็นภูเขาหินปูนที่ทอดเป็นแนวยาวหลายลูกติดต่อกัน มีความยาว 30 กิโลเมตร กว้าง 2 กิโลเมตร บนภูเขานี้จะไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้น แต่จะมีต้นหญ้าเตี้ย ๆ ขึ้นอยู่ทั่วไป เช่น ปรง ดอกเทียน และดอกไม้ป่าที่ขึ้นปกคลุมจะออกดอกบานสะพรั่งในช่วงฤดูฝนรวมทั้งมีโขดหินเป็นระยะ หากมองจากด้านล่างขึ้นไปจะเห็นเหมือนพรม สีเขียวแซมด้วยโขดหิน ต้นไม้ และดอกไม้เป็นแห่ง ๆ หากขึ้นไปบนยอดเขาจะมองเห็นหมู่บ้านอุ้มผาง และทิวเขาสลับซับซ้อนกัน โดยรอบมีทิวทัศน์สวยงาม มีจุดชมวิวเหมาะที่จะดูพระอาทิตย์ขึ้น-ตก และดูทะเลหมอกในยามเช้า (ในช่วงฤดูปลายฝนต้นหนาวจะมีทะเลหมอกที่สวยงาม) การเดินทาง ใช้เส้นทางอุ้มผาง-บ้านปะละทะ ประมาณ 10 กิโลเมตร ถึงดอยหัวหมด มีจุดที่สามารถชมทิวทัศน์ดังกล่าวได้สวยงาม 2 จุด จุดแรก บริเวณกิโลเมตรที่ 9 โดยต้องเดินขึ้นภูเขาไปประมาณ 20 นาที จุดที่ 2. บริเวณกิโลเมตรที่ 10 มีทางแยกซ้ายไปลานจอดรถ และเดินเท้าไปอีก 5 นาที ควรไปถึงดอยหัวหมดก่อน พระอาทิตย์ขึ้นราว 05.00-06.00 น. อากาศบนดอยค่อนข้างเย็น มีลมพัดตลอดเวลา
ถ้ำตะโค๊ะบิ อยู่ในเขตบ้านแม่กลอง ลักษณะถ้ำมีทางเดินกว้างลงไปเป็นชั้น ๆ ข้างในมีทางแยกหลายทางเป็นถ้ำขนาดใหญ่ เพดานถ้ำสูง มีหินงอก หินย้อยสวยงาม และสามารถเดินทะลุถ้ำมาออกที่บ้านแม่กลองใหม่ ความลึกของถ้ำประมาณ 3 กิโลเมตร การเดินทาง จากอำเภออุ้มผางใช้เส้นทางสายแม่กลองใหม่-น้ำตกทีลอซู ไปประมาณ 3 กิโลเมตร สถานที่
http://th.upload.sanook.com/A0/3f404167b3a0b760c1d01036c85b15ea
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง
มีพื้นที่ 1,619,280 ไร่ เป็นเขตป่าอนุรักษ์เพื่อการสงวน และรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และเป็นผืนป่าตะวันตกที่เป็นต้นกำเนิดของแหล่งมรดกโลก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน อากาศจะหนาว และเย็นมากในระหว่างเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ พรรณไม้ส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบ ป่าผลัดใบ สัตว์ป่าที่พบเห็น ได้แก่ เสือลายเมฆ สมเสร็จ เลียงผา เหยี่ยว นกกระทุง ได้รับการประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง เมื่อ พ.ศ. 2532
น้ำตกทีลอซู คำว่า ทีลอซู เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า น้ำตกดำ ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ห่างจากที่ทำการเขตฯ 3 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นน้ำตกภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร เกิดจากลำห้วยกล้อท้อ ลำน้ำทั้งสายตกลงสู่หน้าผาสูงชัน มีน้ำไหลแรงตลอดปี ความกว้างของตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร ไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ มีความสูงประมาณ 300 เมตร ล้อมรอบด้วยป่าดงดิบที่สมบูรณ์ เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมาก ติดอันดับ 1 ใน 6 ของโลก ซึ่งการเดินทางไปชมน้ำตกแต่ละชั้นบางครั้งจะต้องเดินผ่านสายน้ำตก ควรใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
การเดินทาง
รถยนต์ จากอำเภออุ้มผางใช้เส้นทางสายอุ้มผาง-แม่สอด ถึงหลักกิโลเมตรที่ 161 มีทางแยกซ้ายที่บ้านแม่กลองใหม่ไปด่านเดลอ หรือจุดตรวจ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง เป็นระยะทาง 30 กิโลเมตร (สำหรับนักท่องเที่ยวที่ขับรถเข้าน้ำตกทีลอซูต้องติดต่อขอรับใบอนุญาตเข้าที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง (สป. 7) ได้ที่ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว และอนุรักษ์อุ้มผางก่อนทุกครั้ง นักท่องเที่ยวต้องยื่น สป. 7 ที่ด่านเดลอ) จากนั้นเดินทางไปตามถนนลูกรังอีก 26 กิโลเมตร ถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ใช้เวลาในการเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 3 ชั่วโมง เส้นทางช่วงนี้เป็นทางดิน ควรใช้รถปิคอัพ หรือรถขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีสมรรถนะสูงเท่านั้น ในฤดูฝนรถอาจเข้าไม่ได้ และจากที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร จึงถึงตัวน้ำตกทีลอซู
ล่องแพ นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อผ่านบริษัททัวร์ที่จัดล่องแพในอำเภออุ้มผางได้ โดยติดต่อได้ที่ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว และอนุรักษ์อุ้มผาง โทร. 0 5556 1338
น้ำตกทีลอจ่อ หรือ น้ำตกสายฝน ห่างจากอำเภออุ้มผาง 3 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายอุ้มผาง-บ้านปะละทะ ถึงแยกขวามือมีทางเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะพบน้ำตก ชั้นแรก มีความสูงประมาณ 80 เมตร อยู่บนหน้าผาสูงชัน ชั้นที่ 2 ไหลจากหน้าผาสูงชันตกลงสู่แม่น้ำแม่กลอง สายน้ำแตกกระจายเป็นฝอยดูเหมือนสายฝน ทำให้บริเวณโดยรอบได้รับความชุ่มชื้นมีพืชประเภทมอส และตะไคร่น้ำขึ้นปกคลุมเขียวชอุ่มตลอดทั้งปี น้ำตกทีลอจ่อนี้สามารถล่องเรือยางจากตัวอำเภอ อุ้มผางไปตามลำน้ำแม่กลองถึงน้ำตกได้ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที
น้ำตกเซปละ อยู่ในเขตบ้านเซปละ ตำบลแม่ละมุ้ง ห่างจากบ้านปะละทะ 3 กิโลเมตร เป็นน้ำตกภูเขาหินปูนที่ไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ มีความกว้าง 10 เมตร ยาว 50 เมตร กระแสน้ำที่ตกลงกระทบโขดหินทำให้ดูคล้ายกับก้อนเมฆสีขาวที่มีความสวยงาม
น้ำตกทีลอเร มีพื้นที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง เป็นน้ำตกที่อยู่บนโตรกผา มีลักษณะเป็นเพิงผาคล้ายถ้ำ ริมลำน้ำแม่กลอง โดยมีลำน้ำสายใหญ่ไหลผ่านหน้าผาสูงชันตกลงสู่ลำน้ำแม่กลอง มีความสูง 80 เมตร ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม น้ำตกทีลอเรเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการเดินทางลักษณะการผจญภัย และศึกษาธรรมชาติ ควรใช้เส้นทางสายอุ้มผาง-บ้านปะละทะ เริ่มต้นจากหมู่บ้านกระเหรี่ยงปะละทะด้วยการล่องเรือยางไปตามลำน้ำแม่กลองใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 วัน หมายเหตุ นักท่องเที่ยวต้องเตรียมอุปกรณ์ในการพักค้างแรมระหว่างทาง 1 คืน และต้องเตรียมอาหารไปเอง
ดอยหัวหมด อยู่ในเขตบ้านอุ้มผาง เป็นภูเขาหินปูนที่ทอดเป็นแนวยาวหลายลูกติดต่อกัน มีความยาว 30 กิโลเมตร กว้าง 2 กิโลเมตร บนภูเขานี้จะไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้น แต่จะมีต้นหญ้าเตี้ย ๆ ขึ้นอยู่ทั่วไป เช่น ปรง ดอกเทียน และดอกไม้ป่าที่ขึ้นปกคลุมจะออกดอกบานสะพรั่งในช่วงฤดูฝนรวมทั้งมีโขดหินเป็นระยะ หากมองจากด้านล่างขึ้นไปจะเห็นเหมือนพรม สีเขียวแซมด้วยโขดหิน ต้นไม้ และดอกไม้เป็นแห่ง ๆ หากขึ้นไปบนยอดเขาจะมองเห็นหมู่บ้านอุ้มผาง และทิวเขาสลับซับซ้อนกัน โดยรอบมีทิวทัศน์สวยงาม มีจุดชมวิวเหมาะที่จะดูพระอาทิตย์ขึ้น-ตก และดูทะเลหมอกในยามเช้า (ในช่วงฤดูปลายฝนต้นหนาวจะมีทะเลหมอกที่สวยงาม) การเดินทาง ใช้เส้นทางอุ้มผาง-บ้านปะละทะ ประมาณ 10 กิโลเมตร ถึงดอยหัวหมด มีจุดที่สามารถชมทิวทัศน์ดังกล่าวได้สวยงาม 2 จุด จุดแรก บริเวณกิโลเมตรที่ 9 โดยต้องเดินขึ้นภูเขาไปประมาณ 20 นาที จุดที่ 2. บริเวณกิโลเมตรที่ 10 มีทางแยกซ้ายไปลานจอดรถ และเดินเท้าไปอีก 5 นาที ควรไปถึงดอยหัวหมดก่อน พระอาทิตย์ขึ้นราว 05.00-06.00 น. อากาศบนดอยค่อนข้างเย็น มีลมพัดตลอดเวลา
ถ้ำตะโค๊ะบิ อยู่ในเขตบ้านแม่กลอง ลักษณะถ้ำมีทางเดินกว้างลงไปเป็นชั้น ๆ ข้างในมีทางแยกหลายทางเป็นถ้ำขนาดใหญ่ เพดานถ้ำสูง มีหินงอก หินย้อยสวยงาม และสามารถเดินทะลุถ้ำมาออกที่บ้านแม่กลองใหม่ ความลึกของถ้ำประมาณ 3 กิโลเมตร การเดินทาง จากอำเภออุ้มผางใช้เส้นทางสายแม่กลองใหม่-น้ำตกทีลอซู ไปประมาณ 3 กิโลเมตร สถานที่
http://th.upload.sanook.com/A0/3f404167b3a0b760c1d01036c85b15ea
ป้ายกำกับ:
สถานที่ Thi Lo Su Waterfall (งานชิ้นที่5)
วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2552
วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)